top of page

9 เทรนด์ Digital Marketing น่าจับตามองปี 2020

HootSuite ผู้ให้บริการเครื่องมือ Social Media Management ชื่อดังของโลก และพาร์ทเนอร์หลักของ We Are Social ร่วมจัดทำข้อมูลและสถิติการใช้สื่อดิจิทัลทุกปี เพื่อเผยแพร่ให้นักการตลาดทั่วโลกนำไปอ้างอิง ได้ทำสรุป Social Media Marketing Trend 2020 จากการสัมภาษณ์นักการตลาดกว่า 3,000 คน และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ รวมถึงอ้างอิงข้อมูลจาก research ของบริษัทและองค์กรชื่อดัง ซึ่งขอยกตัวอย่าง 3 เทรนด์สำคัญ

1. หาความสมดุลระหว่างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแบบสาธารณะ (public) และแบบส่วนตัว (private)

ปี 2020 นักการตลาดต้องหาจุดสมดุลระหว่าง public และ private ในการทำ Social Media Marketing จากช่องทาง public ไป private โดยสามารถใช้ได้ทั้ง Facebook Ads และ Instagram Ads เพื่อเข้าไปพูดคุยกับแบรนด์และผู้บริโภค โดยผสมผสานระหว่าง chatbot กับคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบน social media เคารพความเป็นส่วนตัวในช่องทาง private ค่อย ๆ สร้างความรู้สึกดี ๆ กับผู้บริโภคในระยะยาว โดยให้ข้อมูลที่มีคุณค่ามากกว่าบอกว่าเรากำลังขายอะไร

2. สร้างความเชื่อมั่นให้พนักงานของเราต่อเรื่องประเด็นทางสังคม ปี 2020 แบรนด์ไหนที่มอบความมั่นใจกับพนักงานในการทำสิ่งที่ถูกต้อง จะได้ปรียบในการแข่งขันมากกว่าคู่แข่ง จากข้อมูล บริษัทที่มีเป้าหมายเรื่องประเด็นทางสังคมอย่างชัดเจนสามารถโตเร็วมากกว่า 3 เท่า เทียบกับบริษัทที่ไม่มี และยังมีความพึ่งพอใจของพนักงานและลูกค้าสูงกว่าอีกด้วย เพราะเมื่อพนักงานรู้สึกว่าบริษัทหรือแบรนด์ที่พวกเขาทำงานให้ มอบสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมและเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาย่อมอยากจะแชร์และเล่าเรื่องเหล่านี้ลงบน Social Media ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างพนักงานเพื่อเป็นกระบอกเสียงของแบรนด์อีกทางหนึ่งด้วย

3. การท้าชิงของ TikTok ปี 2020 TikTok จึงกลายเป็นผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งที่จะแยกผู้ใช้งานจาก platform อื่น ๆ และถึงแม้ว่ายังไม่รู้ว่าทิศทางของ TikTok ในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ TikTok ก็ถือว่าเป็น platform ที่เข้าถึง gen Z (16 – 24 ปี) 69% ของผู้ใช้งานทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมี เทรนด์ Digital Marketing อื่น ๆ ที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

1. ยุคเฟื่องฟูของ Podcast แบรนด์ใหญ่ ๆ เริ่มสนับสนุนรายการ podcast ดัง ๆ มากขึ้น Podcast ปี 2020 จะแทนที่รายการวิทยุ ด้วยการนำเสนอและรูปแบบ on-demand ที่ตรงกับพฤติกรรมคนในเมืองในปัจจุบัน นอกจากนี้ อาชีพสื่อสารมวลชนจะหันมาสนใจ podcast กันมากขึ้น อาจเห็นมือสมัครเล่นทำ podcast แบบสนุก ๆ และงานอดิเรกได้ นักการตลาดต้องเริ่มฟัง podcast มากขึ้น เพื่อเลือกรายการที่เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนเมือง

2. ศึกชิง Super App นอกจาก Grab และ Line ที่สามารถทำได้หลายอย่างได้ใน app เดียว app ของธนาคารก็เริ่มพัฒนา app ให้ทำอะไรได้หลายอย่างเช่นกัน เปลี่ยนจากมีฟีเจอร์โอนเงินจ่ายบิล เป็น app ที่รองรับ lifestyle ของผู้บริโภคมากขึ้น ปี 2020 การแข่งขัน app ทั้งไทยและเทศจะดุเดือดมากขึ้น เพื่อชิงความเป็นหนึ่งของ "Super App” ซึ่งทำให้ผู้บริโภคจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ส่วนนักการตลาดที่จะทำ "Super App” ต้องมีทุนและทีมงานที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เราสามารถใช้บริการด้านการตลาดของ "Super App” ต่าง ๆ ได้ เช่น ลิสต์ร้านอาหารของเราใน Grab Food หรือลงโฆษณากับ LINE

3. Eco-friendly เป็นเนื้อหาภาคบังคับ เรื่อง Eco-friendly การแสดงความใส่ใจและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกแบรนด์ในปี 2020 หมดยุคออกไปปลูกป่า ทำ CSR แล้วโพสต์รูปกับวิดีโอ เพราะผู้บริโภคจะเข้าใจสินค้าและบริการของพวกเขาว่ารักษ์โลกมากแค่ไหน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ควรต้องนำเสนออย่างมีแบบแผนในระยะยาวและสม่ำเสมอ

4. ประหยัดพลังและเวลาด้วย Automation ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดทำ automation ได้ง่ายมากขึ้น ประหยัดเวลาและงบประมาณในการจ้างคนทำเป็นครั้ง ๆ ปี 2020 จะเห็นการนำ automation มาใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น ตัวอย่าง ลูกค้าสมาชิกเข้าหน้าเว็บไซต์ e-commerce และใส่ของลงตระกร้าแล้ว แต่ยังไม่กด checkout เพื่อชำระเงิน แล้วออกจากเว็บไซต์ไปก่อน ภายในสองวันมีอีเมลส่งไปเตือนให้ลูกค้าเข้าไปชำระเงินจากระบบแบบอัตโนมัติ โดยที่เจ้าของหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ไม่ต้องเข้าไปไล่ดูข้อมูลเองทีละ transaction เพื่อเพิ่มโอกาสให้ปิดการสั่งซื้อได้มากขึ้น

5. The Rise of Creative at a Scale การผลิตชิ้นงานที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน กลายเป็นเรื่องจำเป็นในที่สุด เพราะมันจะไม่ใช่เรื่องของการทำ A/B testing เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นการ optimize แบบ real-time ที่เห็นผลได้ชัดเจน การทำ Responsive Search Ads กับ Google ผู้ลงโฆษณาสามารถแสดง ads ที่ผสมระหว่างหัวข้อ (headline) และคำอธิบาย (description) จากการเตรียม copywriting หลาย ๆ แบบ แล้วให้ระบบนำไปจับคู่กันเองตามความสนใจและคำค้นหาที่เกี่ยวข้องของผู้ใช้งาน การทำ creative at a scale จำเป็นมากที่ต้องมีเครื่องมือช่วย เนื่องจากจะเป็นงานที่ใช้พลังงานคนและเวลาเยอะมาก อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดของ human error ได้

นักการตลาด ต้องปรับตัว รู้เท่าทัน ลองนำไปปรับใช้กับธุรกิจ สินค้า และบริการของคุณดูนะคะ



ดู 163 ครั้ง
bottom of page