Gig Economy: แรงงานแห่งอนาคต

การทำงานในรูปแบบใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างด้วย และแบ่งรูปแบบการทำงานออกเป็นลักษณะต่าง ๆ อาทิ part time, freelance, self-employed, outsource หรืองานที่ไม่ใช่งานประจำ

นอกจากนี้ รวมถึงคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวเช่น ขายสินค้าออนไลน์ หรืองานประจำที่สามารถแบ่งเวลาเพื่อรับงานนอกหารายได้เสริมได้

Gig Economy ต่างจากงาน freelance เพราะการทำงานแบบ freelance จะทำงานประเภทเดียว แต่ Gig Economy จะรับงานได้หลากหลายประเภทในเวลาเดียวกัน

ปัจจัยสำคัญของการเกิด Gig Economy

1. เทคโนโลยี, เครือข่ายสังคมออนไลน์ เพราะโลกในยุคออนไลน์ อยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้และเข้าถึง แหล่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างง่ายดาย

2. ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยที่คนรุ่นใหม่จะมองหาช่องทางในการทำเงิน ที่ได้มากกว่าการทำงานประจำ

3. การเติบโตของเศรษฐกิจที่มีการแบ่งปันหรือ Sharing Economy มากขึ้น เช่น Uber : โดยคนที่ขับรถ แท็กซี่จะได้รับเงินจาก Uber ที่เป็นตัวกลางในการจ่ายเงินให้, Airbnb : สำหรับบ้านไหนที่มีห้องว่างและ ต้องการหารายได้เสริม ก็สามารถที่ปล่อยห้องว่างให้คนอื่นมาเช่าได้ โดยเจ้าของบ้านจะได้รับเงินค่าเช่า ผ่านคนกลาง เป็นต้น

ความเสี่ยงในการทำงานแบบ Gig Economy

การทำงานแบบนี้มีความเสี่ยงสูง เพราะความไม่สม่ำเสมอของงานที่จะเข้ามา รวมถึงเรื่องรายได้ที่ได้รับในแต่ละงานก็ไม่เท่ากัน

“ความมั่นคงในหน้าที่การงาน” สำหรับคนที่รับทำงาน part time, freelance เพียงอย่างเดียว ก็ต้องระวังเรื่องรายได้และรายจ่ายให้เป็นอย่างดี

ไม่ว่าเราจะทำงานอาชีพอะไร หรือลักษณะใด ต้องประหยัดอดออมเอาไว้ ใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่าและวางเป้าหมายในการทำงาน เพื่อเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองและเงินในกระเป๋าของคุณ